Pages

กว่าจะมาเป็น'ไข่ปลาคาเวียร์'แสนแพง

กว่าจะมาเป็น 'ไข่ปลาคาเวียร์' ที่มีราคาแสนแพง ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นไข่ปลาที่อร่อยที่สุดในโลก 
 "คาเวียร์" หรือ "ไข่ปลาคาเวียร์" (Caviar eggs) เป็นไข่ปลาที่มีราคาแพงที่สุดในโลก เพราะมีราคากิโลกรัมละหลายแสนกันเลยทีเดียว คำว่า "คาเวียร์" มาจากภาษาเปอร์เซีย ซึ่งมีความหมายว่า "ไข่ปลาที่ปรุงรส" โดยส่วนมากนิยมนำมาจากไข่ปลาสเตอร์เจียน ซึ่งคาเวียร์ยังได้มีการโฆษณาและได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก

ทั้งนี้ในปัจจุบันคาเวียร์ที่มีชื่อเสียงจะมาจากฝั่งทะเลแคสเปียน ในแถบอาเซอร์ไบจัน อิหร่าน และรัสเซีย คาเวียร์มีหลายประเภทและหลายสี โดยคาเวียร์สีทอง ที่ได้มาจากปลาสเตอร์เลต (sterlet) เป็นคาเวียร์ที่หายาก นิยมรับประทานกันในหมู่กษัตริย์ โดยในปัจจุบันคาเวียร์ชนิดนี้แทบจะหาไม่ได้เนื่องจากมีการล่ามากจนเกินไปและทำให้เกิดการสูญพันธุ์ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาวันนี้เราจึงมีภาพวิธีการหาไข่ปลาคาเวียร์มาให้ได้ชมกัน แล้วจะรู้ว่าทำไม๊...ทำไม ไข่ปลาคาเวียร์ถึงได้มีราคาแพงแสนแพงขนาดนี้




 "คม ชัด ลึก" ออนไลน์

คาเวียร์ หรือไข่ปลาคาเวียร์ (Caviar) ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ได้มาจากปลาคาเวียร์ เพียงอย่างเดียว แต่อย่างใด แต่เป็นไข่ปลา ที่ผ่านการปรุงรสมาแล้ว โดยไข่นั้นได้มาจากปลาหลากหลายประเภท โดยส่วนมากจะนำมาจากไข่ปลาสเตอร์เจียน 
โดยแหล่งที่ขึ้นชื่อว่ามีปลาสเตอร์เจียนชุกชุม คือทะเลสาบแคสเปียน ในอดีตเคยอาศัยอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ให้ชาวประมงรัสเซียได้จับกันเป็นจำนวนมาก จนทำให้ปลาลดจำนวนลงมาก รัฐบาลรัสเซียจึงต้องออกกฎหมายห้ามจับโดยเด็ดขาด

       ไข่ปลาคาเวียร์อัลมาส (ภาษาเปอร์เซี่ยนแปลว่า “เพชร”) ที่ได้มาจากปลา “เบลูก้า สเตอเจียน” อายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ถือเป็นไข่ปลาคาเวียร์ที่หายากที่สุด และมีราคาแพงที่สุด โดยมีราคาสูงถึงเกือบ 25,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ประมาณ 850,000บาท/ก.ก.) ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของเบลูก้า คาเวียร์ โดยทั่วไปในปัจจุบันจะอยู่ที่ 7,000 – 10,000เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก.(ราว 2.38 -3.4 แสนบาท/ก.ก.)

ในปัจจุบันทั้งในทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือ มีการล่าจับปลาสเตอร์เจียนกันมาก จนองค์การ CITES (อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์) ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการค้าสัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ทั้งหมดราว 30,000 ชนิด ได้เข้ามาควบคุมการทำร้ายปลาสเตอร์เจียนด้วย เพื่อไม่ให้สูญพันธ์ ทั้งนี้เพราะได้มีการพบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า คาเวียร์ จากทะเลสาบแคสเปียนมีคุณภาพดีที่สุด จึงทำให้มีการซื้อขายคาเวียร์ทำเงินได้ปีละตั้งแต่ 2,000–4,000 ล้านเหรียญ แต่ CITES ก็ตระหนักดีว่าการปกป้องคุ้มครองปลาจำพวกนี้นั้น จำต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งศุลกากร, นักวิทยาศาสตร์ และชาวประมง จึงได้ออกกฎหมายบังคับห้ามจับปลาสเตอร์เจียน ในปริมาณที่เกินกำหนด อีกทั้งห้ามชาวประมงไม่ให้สร้างมลภาวะที่ร้ายแรงในทะเลสาบ และห้ามฆ่าปลาสเตอร์เจียนในช่วงก่อนอายุวางไข่ (15 ปี) รวมถึงให้มีการจำกัดโควตาการผลิต คาเวียร์ โดยให้ทุกประเทศที่อยู่เรียงรายรอบทะเลสาบแคสเปียนปฏิบัติตาม
ข้อมูลจาก http://variety.teenee.com/foodforbrain/46918.html