African pygmy hedgehog หรือ เม่นแคระ หรือชื่อไทยอื่นๆ ที่เคยได้ยินคนเรียกขานถึงสัตว์ชนิดนี้กันเช่น "เม่นจิ๋ว" ,"เม่นสี " ,"ทุเรียนเดินได้" ,"เงาะหนาม" ชื่อเหล่านี้ล้วนเกิดจากลักษณะจุดเด่นของสัตว์ตัวนี้ทั้งนั้น ด้วยลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยหนามทั่วทั้งตัว หรือพฤติกรรมเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู ด้วยการขดตัวม้วนกลม จนมองไม่เห็นขา หรือหน้าตา นอกจากหนามรอบตัว
เม่นแคระถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก โตเต็มที่มีขนาดใกล้เคียงกับหนูแกสปี้ หากินตามพื้นดินอาหารหลักคือพวกแมลง หนอน สัตว์เล็กๆที่อยู่ตามพื้นดิน ออกหากินในตอนกลางคืน และพักผ่อน หลบซ่อนตัวเองจากศัตรูในตอนกลางวัน
มีจุดเด่นคือผิวหนังด้านบนจะปกคลุมด้วยหนามแข็งๆทั่วทั้งตัว โดยหนามจะมีโทนสีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละตัว ส่วนผิวหนังด้านล่างส่วนท้องของลำตัวนั้นจะปกคลุมด้วยขนอ่อน มีลักษณะหยาบนิดหน่อย ไม่แข็งเป็นหนามเหมือนด้านบน
สำหรับถิ่นกำเนิดจุดเริ่มต้นของสัตว์ชนิดนี้ มาจากทวีปแอฟริกา และมีการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และ มีการพัฒนาสายพันธุ์กันในแถบยุโรป อเมริกา จนทำให้ได้ลักษณะเม่นที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งในด้านของสีหนามและลักษณะภายนอกอื่นๆ จนมีการตั้งชื่อและกำหนดลักษณะมาตรฐานสีชื่อกันขึ้นมา
สำหรับประเทศไทยนั้น เม่นแคระได้ถูกนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือน เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีจุดเด่นของตัวเอง เลี้ยงง่าย ดูแลก็ง่าย อีกทั้งพื้นที่ ที่ใช้ในการเลี้ยงก็น้อย และเรื่องของอาหารการกินที่ต้องจัดเตรียมให้เขา ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยเราสามารถให้อาหารแมวที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปได้ แล้วอาจจะเสริมด้วยหนอนนก(อาหารสุดโปรดของเม่นแคระ) หรือผลไม้ที่มีรสหวาน อาทิเช่น แอปเปิ้ล บ้างเป็นบ้างครั้งก็ได้
ลักษณะนิสัยของเม่นแคระ
เม่น แคระเป็นสัตว์สันโดษ หากินตัวเดียวในตอนกลางคืน กลางวันนอน มีนิสัยชอบอยู่ตัวเดียว หวงอาณาเขต บริเวณหากินของตัวเอง ดังนั้นไม่แนะนำให้เลี้ยงเม่นแคระมากกว่า 1 ตัวในพื้นที่เลี้ยงเดียวกัน เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เม่นแคระต่อสู้ กัดกัน เพื่อแย่งชิงอาณาเขตบริเวณในการหาอาหาร แนะนำให้เลี้ยงแยกกันโดยเด็ดขาด อาจจับรวมกันได้บ้าง กรณีต้องการจับคู่ผสมพันธุ์เมื่อเม่นแคระอยู่ในวัยที่เหมาะสม คือช่วงอายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป
เม่นแคระเป็นสัตว์ขี้ระแวง ชอบหลบซ่อนตัวในตอนกลางวัน ถ้ามีอะไรผิดปกติหรือไม่คุ้นเคยเม่นแคระมักจะซุกตัวหาที่ซ่อน หรือขดตัวม้วนกลม เก็บขา หน้าตา และทำหนามตั้งชันขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากอันตราย แต่หากเม่นแคระได้กลิ่นแปลกๆจากวัตถุ สิ่งของต่างๆ เม่นแคระมักจะกัดและเคี้ยววัตถุสิ่งของดังกล่าวจนเกิดเป็นฟองน้ำลาย แล้วนำฟองน้ำลายดังกล่าวมาแปะติดไว้ตามตัว เพื่อจดจำกลิ่นดังกล่าว หรือปรับตัวเองให้มีกลิ่นเหมือนสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยตามปรกติของเม่นแคระทุกๆตัว ดังนั้นควรระมัดระวัง และหาทางป้องกันไม่ให้เม่นได้รับอันตรายจากพฤติกรรมนี้ ด้วยการไปกัด เคี้ยววัตถุที่มีพิษ จนอาจทำให้ได้รับสารพิษดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายและเสียชีวิตได้ อีกอย่างผู้เลี้ยงเม่นแคระใหม่ๆ ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมนี้ จะได้ไม่ตกใจจนเกินเหตุเมื่อเห็นเม่นแคระแสดงพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นนี้ เช่น ตอนเปลี่ยนอาหารแมวรสใหม่ให้เม่นแคระ หรือการที่เปลี่ยนถ้วยอาหาร หรืออุปกรณ์ใหม่ๆเข้าไปในพื้นที่การเลี้ยงดู
การเลี้ยงดู
ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงเม่นแคระในประเทศไทย มักจะเลี้ยงเม่นแคระกันในกล่องพลาสติกทึบแสง ที่มีขายกันอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปๆขนาดพอประมาณ นำมาดัดแปลงกันเอาเอง ทั้งการเจาะรูด้านข้างด้วยสว่านเจาะ หรือการเจาะเป็นช่องแล้วนำตาข่ายมาติดด้วยน็อตหรือไม่ก็ใช้กาวแท่งร่วมกับปืนกาว ช่วยในการยึดติดตาข่าย เพื่อการระบายอาหารภายในกล่องเลี้ยงเม่นแคระ โดย 1 กล่องควรจะเลี้ยงเม่นแคระ แค่ตัวเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันการกัดกัน และการผสมพันธุ์กันก่อนวัยที่เหมาะสมของเม่นแคระ ซึ่งเป็นอันตรายทั้งตัวลูกและแม่เม่นแคระเอง
อุปกรณ์สำหรับการเลี้ยง
- ถ้วยสำหรับใส่อาหาร
- ขวดน้ำ
- ขี้เลื่อยสำหรับรองพื้นกล่อง แนะนำให้ใช้เป็นแบบก้อนอัดแท่ง
- วิตามินผสมน้ำเพื่อช่วยเพิ่มเติมสารอาหารที่ขาดหายไป
- แล้วอีกสิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คืออาหารแมว
การเลือกซื้อ
ควรเลือกซื้อจากผู้เลี้ยงที่มีความไว้วางใจ จะได้ไม่โดนหลอกเรื่องอายุของเม่นแคระ ทั้งเม่นแคระเล็กๆหลอกว่าอายุเยอะ ทั้งที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์แยกจากแม่ ทานอาหารแมวก็ยังไม่ได้ หรือ เม่นแคระที่มีอายุมากๆ กลับหลอกขายว่าอายุน้อยๆ
การผสมพันธุ์
เม่นแคระถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก โตเต็มที่มีขนาดใกล้เคียงกับหนูแกสปี้ หากินตามพื้นดินอาหารหลักคือพวกแมลง หนอน สัตว์เล็กๆที่อยู่ตามพื้นดิน ออกหากินในตอนกลางคืน และพักผ่อน หลบซ่อนตัวเองจากศัตรูในตอนกลางวัน
มีจุดเด่นคือผิวหนังด้านบนจะปกคลุมด้วยหนามแข็งๆทั่วทั้งตัว โดยหนามจะมีโทนสีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละตัว ส่วนผิวหนังด้านล่างส่วนท้องของลำตัวนั้นจะปกคลุมด้วยขนอ่อน มีลักษณะหยาบนิดหน่อย ไม่แข็งเป็นหนามเหมือนด้านบน
สำหรับถิ่นกำเนิดจุดเริ่มต้นของสัตว์ชนิดนี้ มาจากทวีปแอฟริกา และมีการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และ มีการพัฒนาสายพันธุ์กันในแถบยุโรป อเมริกา จนทำให้ได้ลักษณะเม่นที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งในด้านของสีหนามและลักษณะภายนอกอื่นๆ จนมีการตั้งชื่อและกำหนดลักษณะมาตรฐานสีชื่อกันขึ้นมา
สำหรับประเทศไทยนั้น เม่นแคระได้ถูกนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือน เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีจุดเด่นของตัวเอง เลี้ยงง่าย ดูแลก็ง่าย อีกทั้งพื้นที่ ที่ใช้ในการเลี้ยงก็น้อย และเรื่องของอาหารการกินที่ต้องจัดเตรียมให้เขา ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยเราสามารถให้อาหารแมวที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปได้ แล้วอาจจะเสริมด้วยหนอนนก(อาหารสุดโปรดของเม่นแคระ) หรือผลไม้ที่มีรสหวาน อาทิเช่น แอปเปิ้ล บ้างเป็นบ้างครั้งก็ได้
ลักษณะนิสัยของเม่นแคระ
เม่น แคระเป็นสัตว์สันโดษ หากินตัวเดียวในตอนกลางคืน กลางวันนอน มีนิสัยชอบอยู่ตัวเดียว หวงอาณาเขต บริเวณหากินของตัวเอง ดังนั้นไม่แนะนำให้เลี้ยงเม่นแคระมากกว่า 1 ตัวในพื้นที่เลี้ยงเดียวกัน เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เม่นแคระต่อสู้ กัดกัน เพื่อแย่งชิงอาณาเขตบริเวณในการหาอาหาร แนะนำให้เลี้ยงแยกกันโดยเด็ดขาด อาจจับรวมกันได้บ้าง กรณีต้องการจับคู่ผสมพันธุ์เมื่อเม่นแคระอยู่ในวัยที่เหมาะสม คือช่วงอายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป
เม่นแคระเป็นสัตว์ขี้ระแวง ชอบหลบซ่อนตัวในตอนกลางวัน ถ้ามีอะไรผิดปกติหรือไม่คุ้นเคยเม่นแคระมักจะซุกตัวหาที่ซ่อน หรือขดตัวม้วนกลม เก็บขา หน้าตา และทำหนามตั้งชันขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากอันตราย แต่หากเม่นแคระได้กลิ่นแปลกๆจากวัตถุ สิ่งของต่างๆ เม่นแคระมักจะกัดและเคี้ยววัตถุสิ่งของดังกล่าวจนเกิดเป็นฟองน้ำลาย แล้วนำฟองน้ำลายดังกล่าวมาแปะติดไว้ตามตัว เพื่อจดจำกลิ่นดังกล่าว หรือปรับตัวเองให้มีกลิ่นเหมือนสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยตามปรกติของเม่นแคระทุกๆตัว ดังนั้นควรระมัดระวัง และหาทางป้องกันไม่ให้เม่นได้รับอันตรายจากพฤติกรรมนี้ ด้วยการไปกัด เคี้ยววัตถุที่มีพิษ จนอาจทำให้ได้รับสารพิษดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายและเสียชีวิตได้ อีกอย่างผู้เลี้ยงเม่นแคระใหม่ๆ ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมนี้ จะได้ไม่ตกใจจนเกินเหตุเมื่อเห็นเม่นแคระแสดงพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นนี้ เช่น ตอนเปลี่ยนอาหารแมวรสใหม่ให้เม่นแคระ หรือการที่เปลี่ยนถ้วยอาหาร หรืออุปกรณ์ใหม่ๆเข้าไปในพื้นที่การเลี้ยงดู
การเลี้ยงดู
ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงเม่นแคระในประเทศไทย มักจะเลี้ยงเม่นแคระกันในกล่องพลาสติกทึบแสง ที่มีขายกันอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปๆขนาดพอประมาณ นำมาดัดแปลงกันเอาเอง ทั้งการเจาะรูด้านข้างด้วยสว่านเจาะ หรือการเจาะเป็นช่องแล้วนำตาข่ายมาติดด้วยน็อตหรือไม่ก็ใช้กาวแท่งร่วมกับปืนกาว ช่วยในการยึดติดตาข่าย เพื่อการระบายอาหารภายในกล่องเลี้ยงเม่นแคระ โดย 1 กล่องควรจะเลี้ยงเม่นแคระ แค่ตัวเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันการกัดกัน และการผสมพันธุ์กันก่อนวัยที่เหมาะสมของเม่นแคระ ซึ่งเป็นอันตรายทั้งตัวลูกและแม่เม่นแคระเอง
อุปกรณ์สำหรับการเลี้ยง
- ถ้วยสำหรับใส่อาหาร
- ขวดน้ำ
- ขี้เลื่อยสำหรับรองพื้นกล่อง แนะนำให้ใช้เป็นแบบก้อนอัดแท่ง
- วิตามินผสมน้ำเพื่อช่วยเพิ่มเติมสารอาหารที่ขาดหายไป
- แล้วอีกสิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คืออาหารแมว
การเลือกซื้อ
ควรเลือกซื้อจากผู้เลี้ยงที่มีความไว้วางใจ จะได้ไม่โดนหลอกเรื่องอายุของเม่นแคระ ทั้งเม่นแคระเล็กๆหลอกว่าอายุเยอะ ทั้งที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์แยกจากแม่ ทานอาหารแมวก็ยังไม่ได้ หรือ เม่นแคระที่มีอายุมากๆ กลับหลอกขายว่าอายุน้อยๆ
การผสมพันธุ์
เม่นแคระสามารถเจริญพันธุ์ได้เมื่อช่วงอายุประมาณ 4 เดือน แต่ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ไม่เหมาะสมสำหรับการผสมพันธุ์ครับ เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่เม่นเด็กเริ่มเตรียมความพร้อมของร่างกายเพื่อเป็น เม่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างร่างกาย สำหรับการอุ้มท้อง ระดับฮอร์โมนในร่างกาย เพื่อการตกไข่ เปรียบเสมือนคนก็คือช่วงวัย teen age อายุประมาณ 12-19 ปี ซึ่งร่างกายอยู่ในช่วงปรับตัวเป็นผู้ใหญ่ ทั้งทางร่างกาย และฮอร์โมน การจับเม่นผสมพันธุ์ในช่วงนี้จึงเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เสี่ยงต่อการตายของลูกๆเม่น และตัวแม่เม่นเอง ดังนั้นระยะเวลาที่เห็นเหมาะสม โดยเม่นแคระน่าจะมีความพร้อมทั้งทางร่างกายและระดับฮอร์โมนภายใน จึงควรจะเป็นอายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป โดยอาจจะดูความพร้อมสมบูรณ์ของตัวเม่นแคระ เป็นตัวประกอบด้วยนอกเหนือจากช่วงวัยอายุ